เผ่า
คำเผ่าถูกนำมาใช้ในบริบทที่แตกต่างกันในการอ้างถึงหมวดหมู่ของมนุษย์ กลุ่มสังคม การใช้งานที่โดดเด่นของคำที่อยู่ในระเบียบวินัยของมานุษยวิทยา คำจำกัดความนี้ถูกโต้แย้งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเข้าใจเชิงทฤษฎีที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับโครงสร้างทางสังคมและเครือญาติและยังสะท้อนให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้แนวคิดนี้กับสังคมมนุษย์ที่มีความหลากหลายอย่างมีปัญหา แนวคิดนี้มักจะถูกเปรียบเทียบโดยนักมานุษยวิทยากับกลุ่มทางสังคมและเครือญาติอื่น ๆ โดยมีลำดับชั้นที่ใหญ่กว่าเชื้อสายหรือกลุ่มแต่มีขนาดเล็กกว่าหัวหน้าใหญ่ประเทศหรือรัฐ. ข้อกำหนดเหล่านี้มีการโต้แย้งอย่างเท่าเทียมกัน ในบางกรณีชนเผ่าได้รับการยอมรับทางกฎหมายและมีอิสระทางการเมืองในระดับหนึ่งจากรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลกลาง แต่การใช้คำศัพท์ตามกฎหมายนี้อาจขัดแย้งกับคำจำกัดความทางมานุษยวิทยา
นิรุกติศาสตร์
ในปัจจุบันภาษาอังกฤษคำว่าชนเผ่าเกิดจากภาษาอังกฤษยุคกลางTribuซึ่งในที่สุดจะมาจากภาษาละตินTribus ตามที่Oxford อังกฤษก็ยังคงไม่มีความชัดเจนว่ารูปแบบนี้เป็นผลมาจากการกู้ยืมเงินจากแหล่งภาษาโรแมนติก (เช่นที่แก่ฝรั่งเศส Tribu ) หรือถ้าแบบที่เป็นผลมาจากการกู้ยืมโดยตรงจากภาษาลาติน (อังกฤษกลางพหูพจน์tribuz 1250 อาจเป็นตัวแทนโดยตรงของส่วยพหูพจน์ของละติน) ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ชนเผ่าก็อาจจะเป็นผลมาจากรูปแบบทั่วไปนั้นภาษาอังกฤษยืมคำนามโดยตรงจากภาษาละตินและลดลงต่อท้ายรวมทั้ง-US โดยทั่วไปแล้วนักภาษาศาสตร์จะถือภาษาละตินtribusว่าเป็นสารประกอบที่เกิดจากสององค์ประกอบ: tri- 'สาม' และbhu , bu , fuซึ่งเป็นรากศัพท์ที่มีความหมายว่า 'เป็น' [1]
ละตินTribusจะจัดขึ้นจะได้รับจากโปรโตยุโรป สารประกอบ * ไตรdʰh₁u / o- (แสดงในสามส่วนไตรภาคี '; เปรียบเทียบกับอุ trifu 'ไตรลักษณ์อำเภอ' แซน trídha ' ไตรสิกขา) [2]
การจำแนกประเภท
การถกเถียงกันอย่างมีนัยสำคัญมาพร้อมกับความพยายามในการกำหนดและลักษณะของชนเผ่า ในจินตนาการที่เป็นที่นิยมชนเผ่าต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นโครงสร้างทางสังคมดั้งเดิมซึ่งอารยธรรมและรัฐที่ตามมาทั้งหมดได้พัฒนาขึ้น นักมานุษยวิทยา Elman บริการที่นำเสนอ[3]ระบบการจัดหมวดหมู่สำหรับสังคมในวัฒนธรรมของมนุษย์ขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมและบทบาทของรัฐ ระบบการจำแนกประเภทนี้ประกอบด้วยสี่ประเภท:
- วงดนตรีนักล่า - ผู้รวบรวมซึ่งโดยทั่วไปมีความเสมอภาค
- สังคมชนเผ่าที่มีอันดับและศักดิ์ศรีทางสังคมจำกัด
- แซดสังคมชนเผ่านำโดยเป็นต้น (ดูChiefdom )
- อารยธรรมที่มีลำดับชั้นทางสังคมที่ซับซ้อนและมีการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นสถาบัน
ชนเผ่าจึงถือได้ว่าเป็นหน่วยทางการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นจากองค์กรของครอบครัว (รวมถึงตระกูลและเชื้อสาย) บนพื้นฐานของความเป็นปึกแผ่นทางสังคมหรืออุดมการณ์ เป็นสมาชิกของชนเผ่าอาจจะเข้าใจ simplistically ว่าเป็นตัวตนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆเช่นเครือญาติ ( "ตระกูล") เชื้อชาติ ( "การแข่งขัน") ภาษาเคหสถานกลุ่มการเมืองความเชื่อทางศาสนาประเพณีในช่องปากและ / หรือการปฏิบัติทางวัฒนธรรม
นักโบราณคดียังคงสำรวจพัฒนาการของชนเผ่าก่อนรัฐ การวิจัยในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างของชนเผ่าประกอบด้วยการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์แบบหนึ่งซึ่งให้ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ โครงสร้างดังกล่าวมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะประสานการผลิตและการจำหน่ายอาหารในช่วงเวลาที่ขาดแคลนโดยไม่ จำกัด หรือบีบบังคับผู้คนในช่วงเวลาที่มีอาหารเหลือเฟือ
การทะเลาะวิวาทและค่าเสื่อมราคาการใช้งาน
คำว่า "ชนเผ่า" เป็นคำที่ใช้กันทั่วไปในสาขามานุษยวิทยาจนถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 และ 1960 การใช้คำนี้อย่างต่อเนื่องดึงดูดความขัดแย้งในหมู่นักมานุษยวิทยาและนักวิชาการคนอื่น ๆ ที่ทำงานในสังคมศาสตร์โดยนักวิชาการด้านการวิจัยทางมานุษยวิทยาและชาติพันธุ์วิทยาท้าทายประโยชน์ของแนวคิดนี้ ในปี 1970 J.Clyde Mitchellนักมานุษยวิทยาเขียนว่า:
- ชนเผ่าซึ่งเป็นหมวดหมู่ของการวิเคราะห์ทางมานุษยวิทยาที่ได้รับการยอมรับมายาวนานเมื่อไม่นานมานี้เป็นเป้าหมายของการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยนักมานุษยวิทยา ... ข้อสงสัยเกี่ยวกับประโยชน์ของชนเผ่าในฐานะหมวดการวิเคราะห์เกือบจะเกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมอย่างรวดเร็วของผู้คนแม้ใน ส่วนที่ห่างไกลที่สุดของโลกทั้งในทางการเมืองเศรษฐกิจและบางครั้งก็มีความสัมพันธ์ทางสังคมโดยตรงกับประเทศอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามข้อสงสัยนั้นขึ้นอยู่กับคำจำกัดความและความหมายที่นักวิชาการต่างให้คำว่า 'ชนเผ่า' คำคุณศัพท์ 'เผ่า' และรูปแบบนามธรรมของคำว่า 'ชนเผ่า' [4]
แม้ว่าขอบเขตการเป็นสมาชิกของชนเผ่าจะดูเรียบง่าย แต่ในความเป็นจริงพวกเขามักจะคลุมเครือและอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ในปี 1975 การศึกษาของเขา, ความคิดของเผ่า , มานุษยวิทยา มอร์ตันเอชทอดมีให้ตัวอย่างมากมายของชนเผ่าที่ห้อมล้อมสมาชิกที่พูดภาษาที่แตกต่างกันและการปฏิบัติพิธีกรรมที่แตกต่างกันหรือผู้ที่ใช้ร่วมกันภาษาและพิธีกรรมกับสมาชิกของชนเผ่าอื่น ๆ ในทำนองเดียวกันเขาให้ตัวอย่างของชนเผ่าที่ผู้คนติดตามผู้นำทางการเมืองที่แตกต่างกันหรือตามผู้นำคนเดียวกับสมาชิกของเผ่าอื่น ๆ เขาสรุปว่าชนเผ่าโดยทั่วไปมีลักษณะเฉพาะด้วยขอบเขตของไหลความแตกต่างและความมีชีวิตชีวาและไม่ได้อยู่ในหมู่ศาสนา [5]
ส่วนหนึ่งของความยากของคำนี้คือการพยายามสร้างและใช้กรอบแนวคิดร่วมกันในวัฒนธรรมและผู้คนที่หลากหลาย นักมานุษยวิทยาต่าง ๆ ที่ศึกษาชนชาติต่างๆจึงได้ข้อสรุปที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับธรรมชาติโครงสร้างและการปฏิบัติของชนเผ่า Martin van Bruinessen นักมานุษยวิทยาเขียนเกี่ยวกับชนชาติเคิร์ด "เงื่อนไขของการใช้งานทางมานุษยวิทยามาตรฐาน" เผ่า "" ตระกูล "และ" เชื้อสาย "ดูเหมือนจะเป็นช่องแคบที่ไม่เหมาะกับความเป็นจริงทางสังคมของเคอร์ดิสถาน" [6]
นอกจากนี้ยังมีความหมายเชิงลบของคำว่า "เผ่า" ที่ลดการใช้ลง เขียนในปี 2013 นักวิชาการแมทธิว Ortoleva ตั้งข้อสังเกตว่า "ชอบคำว่าอินเดีย , [t] Ribeเป็นคำที่มีความหมายของการล่าอาณานิคม." [7] Survival Internationalกล่าวว่า "สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความแตกต่างระหว่างชนเผ่าและชนพื้นเมืองเนื่องจากชนเผ่ามีสถานะพิเศษที่ยอมรับในกฎหมายระหว่างประเทศและปัญหานอกเหนือจากที่ชนพื้นเมืองต้องเผชิญในวงกว้าง" [8]
วันนี้
ทุกวันนี้มีชนเผ่าเพียงไม่กี่เผ่าที่แยกตัวออกจากการพัฒนาระบบรัฐสมัยใหม่ ชนเผ่าได้สูญเสียความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ตามประเพณีเช่นการส่วนสิบการส่งมอบความยุติธรรมและการปกป้องดินแดนโดยสิ่งเหล่านี้ถูกแทนที่ด้วยหน้าที่และสถาบันของรัฐเช่นการจัดเก็บภาษีศาลกฎหมายและกองทัพ ส่วนใหญ่ประสบความเสื่อมโทรมและสูญเสียเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม บางคนปรับตัวให้เข้ากับบริบททางการเมืองใหม่และเปลี่ยนวัฒนธรรมและแนวปฏิบัติเพื่อให้อยู่รอดในขณะที่คนอื่น ๆ ได้รับสิทธิทางกฎหมายและความคุ้มครอง
มอร์ตันฟรีดนักมานุษยวิทยาเสนอว่าชนเผ่าที่รอดชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากชนเผ่าก่อนรัฐ แต่อยู่ในแถบก่อนรัฐ ชนเผ่า "รอง" ดังกล่าวเขาแนะนำให้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ของการขยายตัวของรัฐ วงดนตรีที่ประกอบด้วยขนาดเล็กมือถือและของเหลวที่ก่อตัวทางสังคมที่มีความอ่อนแอเป็นผู้นำ พวกเขาไม่สร้างส่วนเกินไม่จ่ายภาษีและสนับสนุนกองทัพที่ไม่มีจุดยืน ฟรีดแย้งว่าเผ่ารองพัฒนาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งในสองวิธี ประการแรกรัฐต่างๆสามารถจัดตั้งรัฐเหล่านี้ขึ้นเพื่อขยายอิทธิพลทางการบริหารและเศรษฐกิจในดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไปได้ซึ่งการควบคุมทางการเมืองโดยตรงมีค่าใช้จ่ายมากเกินไป รัฐจะสนับสนุน (หรือกำหนดให้) ประชาชนในเขตแดนของตนจัดตั้งรัฐบาลที่มีขอบเขตและรวมศูนย์อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเนื่องจากรัฐบาลดังกล่าวสามารถเริ่มผลิตส่วนเกินและภาษีและจะมีผู้นำที่ตอบสนองต่อความต้องการของรัฐใกล้เคียง (ที่เรียกว่า "กำหนดเวลา" ชนเผ่าในสหรัฐอเมริกาหรือบริติชอินเดียเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้) ประการที่สองวงดนตรีอาจรวมกันเป็นชนเผ่า "รอง" เพื่อใช้ในการป้องกันการขยายตัวของรัฐ สมาชิกของวงดนตรีจะจัดตั้งรัฐบาลที่มีขอบเขตและรวมศูนย์อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเนื่องจากการเมืองดังกล่าวสามารถเริ่มสร้างส่วนเกินที่สามารถสนับสนุนกองทัพที่ยืนหยัดต่อสู้กับรัฐต่างๆได้และพวกเขาจะมีความเป็นผู้นำที่สามารถประสานการผลิตทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางทหารได้
ในกลุ่มวรรณะที่กำหนดไว้และชนเผ่าตามกำหนดเวลาของอินเดียและชนเผ่าพื้นเมืองของอเมริกาในอเมริกาเหนือชนเผ่าต่างๆถือเป็นรัฐบาลหรือประเทศอธิปไตยที่ยังคงรักษาไว้หรือได้รับการยอมรับทางกฎหมายและการปกครองตนเองในระดับหนึ่งโดยรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลกลาง
ดูสิ่งนี้ด้วย
- วงสังคม
- ชาติพันธุ์ศาสนา
- มีนาส
- Micronation
- การปฏิวัติเผ่าใหม่
- เร่ร่อน
- การดื่มสุราในห้องแถว
- ความรัก
- สังคมส่วนงาน
- กลุ่มสังคม
- สังคมไร้สัญชาติ
- หัวหน้าเผ่า
- ชื่อชนเผ่า
- อำนาจอธิปไตยของชนเผ่า
- สงครามชนเผ่า
- ชนเผ่า
- Neotribalism
- เผ่า (อินเทอร์เน็ต)
- สิบสองเผ่าของอิสราเอล
หมายเหตุ
- ^ "เผ่าน.". โออีออนไลน์ กันยายน 2020 สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด. ออนไลน์ (เข้าถึง 19 พฤศจิกายน 2020)
- ^ de Vaan, Michiel (2008) นิรุกติศาสตร์พจนานุกรมภาษาละตินและอื่น ๆ ตัวเอียงภาษา น. 629. ISBN 978-90-04-16797-1.
- ^ บริการ Elman Rogers (1962) องค์กรทางสังคมดั้งเดิม: มุมมองของวิวัฒนาการ สุ่มบ้าน OCLC 318447878[ ต้องการหน้า ]
- ^ มิทเชลล์ไคลด์เจ (1970) "ชนเผ่าและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในแอฟริกาใต้ตอนกลาง: แนวทางเชิงสถานการณ์" ใน Gutkind, Peter CW Editor The Passing of Tribal Man in Africa , p. 83สุดยอด
- ^ มอร์ตันเอชทอด (1972) ความคิดของเผ่า บริษัท สำนักพิมพ์คัมมิงส์ [ ต้องการหน้า ]
- ^ Bruinessen, Martin van (1992). นอฮ์และสถานะ: โครงสร้างทางสังคมและการเมืองของถาน หนังสือ Zed OCLC 555395702[ ต้องการหน้า ]
- ^ Ortoleva แมทธิว (2013) "We Face East" ใน Goggin, Peter N. Editor วาทศาสตร์สิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยาของสถานที่ , น. 95.เลดจ์ ไอ 9781135922658
- ^ https://survivalinternational.org/info/terminology
อ้างอิง
- Benveniste, Émile (1973). ภาษาและสังคมอินโด - ยูโรเปียนแปลโดย Elizabeth Palmer ลอนดอน: Faber and Faber ISBN 0-87024-250-4
- Benveniste, Émile (2478) Origines de la Formation des noms en Indo-européen .
- ทอด, มอร์ตันเอช (1975). ความคิดของเผ่า บริษัท สำนักพิมพ์คัมมิงส์. ISBN 0-8465-1548-2 .
- หางเสือ, มิถุนายน, เอ็ด, (2511). บทความเกี่ยวกับปัญหาของชนเผ่า,การดำเนินการ, สมาคมชาติพันธุ์วิทยาอเมริกัน ซีแอตเทิล: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยวอชิงตัน [ ไม่มี ISBN ]
- เจมส์พอล (2549). Globalism, Nationalism, Tribalism: การนำทฤษฎีกลับเข้ามา ลอนดอน: Sage Publications
- เจมส์พอล (2544). "มีความสัมพันธ์กับความตึงเครียดทั่วโลก: โมเดิร์น tribalism และชาตินิยมหลังสมัยใหม่" ชุมชน / พหูพจน์ 9 (1): 11–31. ดอย : 10.1080 / 13207870124780 . hdl : 1885/41671 .
- Nagy, Gregory (1990). เทพนิยายกรีกและกวีสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยคอร์เนล บทที่ 12 เริ่มต้นในหน้า 276 สำรวจความหมายของที่มาของคำและบริบททางสังคมของชนเผ่าในกรีกโบราณและอื่น ๆ
- ซัตตันอิมเร่ (2518). การครอบครองที่ดินอินเดีย: บรรณานุกรมบทความและคำแนะนำเกี่ยวกับวรรณคดี เคลียร์วอเตอร์นิวยอร์ก: เผ่า หน้า 101–02, 180–82, 186–87, 191–93 [ ไม่มี ISBN ]
- Renfrew, Colin & Paul G.Bahn (2008). โบราณคดี: ทฤษฎีวิธีการและการปฏิบัติ . นิวยอร์ก: แม่น้ำเทมส์และฮัดสัน[ ไม่มี ISBN ]